โฮมเพจภาวะของดวงตาข้อมูลความรู้เรื่องภาวะของดวงตา

เยื่อตาอักเสบ: สาเหตุและอาการ

ภาพระยะใกล้ของบุคคลที่เป็นโรคตาแดง (ตาสีชมพู)

เยื่อตาอักเสบคืออะไร

เยื่อตาอักเสบเป็นการอักเสบของส่วนที่คลุมส่วนขาวของตาไว้ มีลักษณะใสและบางและอยู่ภายในเปลือกตา (เยื่อตา)

เยื่อตาอักเสบอาจฟังดูน่ากลัวแต่ปัญหาตาชนิดนี้พบได้บ่อยและมักรักษาหายได้ง่าย ยิ่งกว่านั้น เยื่อตาอักเสบเป็นภาวะที่มักหลีกเลี่ยงได้ด้วยข้อควรระวังง่าย ๆ 2-3 อย่าง อย่างไรก็ตามเยื่อตาอักเสบชนิดหนึ่งสามารถก่อให้เกิดปัญหาการมองเห็นที่ร้ายแรงได้หากไม่ได้รับการรักษา โปรดพบผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลดวงตาของท่าน หากท่านกังวลเกี่ยวกับภาวะเยื่อตาอักเสบที่ท่านเป็น

ใคร ๆ ก็อาจมีภาวะเยื่อตาอักเสบได้แต่พนักงานออฟฟิศ พนักงานในร้าน เด็กก่อนวัยเรียน เด็กวัยเรียน นักศึกษา ครูและผู้ที่ทำงานดูแลเด็กมีความเสี่ยงเป็นพิเศษที่จะเกิดเยื่อตาอักเสบชนิดต่าง ๆ ที่ติดต่อกันได้ เนื่องจากการทำงานที่ใกล้ชิดกับผู้อื่น

ต่อไปนี้คือสิ่งที่ท่านควรทราบเกี่ยวกับเยื่อตาอักเสบ

เยื่อตาอักเสบเกิดจากอะไร

การ แบ่งชนิดเยื่อตาอักเสบเบื้องต้นตามสาเหตุ แบ่งได้ดังนี้

  • เยื่อตาอักเสบจากไวรัส เกิดจากไวรัส อย่างเช่น โรคหวัด เยื่อตาอักเสบชนิดนี้ติดต่อง่ายมาก แต่มักจะหายได้เองภายใน 3-4 วันโดยไม่ต้องรับการรักษาด้วยแพทย์

  • เยื่อตาอักเสบจากแบคทีเรีย เกิดจากแบคทีเรีย เยื่อตาอักเสบชนิดนี้สามารถก่อให้เกิดความเสียหายที่ร้ายแรงแก่ดวงตาได้หากไม่ได้รับการรักษา

  • เยื่อตาอักเสบจากภูมิแพ้ เยื่อตาอักเสบชนิดนี้เกิดจากสิ่งระคายเคืองตาเช่นเกสรดอกไม้ ฝุ่น และขนสัตว์ โดยเกิดกับผู้ที่มีแนวโน้มจะเป็น เยื่อตาอักเสบจากภูมิแพ้อาจเกิดตามฤดูกาล (เกสรดอกไม้) หรือกำเริบได้ตลอดปี

อาการของเยื่อตาอักเสบ

อาการเบื้องต้นของเยื่อตาอักเสบคือตาที่มีสีแดง อาการอื่น ๆ ของเยื่อตาอักเสบขึ้นกับชนิดของเยื่อตาอักเสบ

  • อาการของเยื่อตาอักเสบจากไวรัส มีหลายอย่างรวมทั้งตาแฉะ คันตาหรือไวต่อแสง อาจเป็นที่ตาข้างเดียวหรือสองข้าง เยื่อตาอักเสบจากไวรัสติดต่อง่ายมากและสามารถกระจายไปโดยการไอและจาม

  • เยื่อตาอักเสบจากแบคทีเรีย อาการ มีหลายอย่างรวมทั้งมีขี้ตาเหนียว ๆ สีเหลืองหรือเหลืองเขียวที่มุมของตา ในบางกรณี ขี้ตานี้อาจมีมากจนทำให้เปลือกตาติดกันเมื่อท่านตื่นนอน อาจเป็นที่ตาข้างเดียวหรือสองข้าง เยื่อตาอักเสบจากแบคทีเรียสามารถติดต่อได้ โดยมักผ่านการสัมผัสโดยตรงกับมือที่มีเชื้อโรคหรือสิ่งที่สัมผัสกับตา

  • อาการของเยื่อตาอักเสบจากภูมิแพ้ มีหลายอย่างรวมทั้งตาแฉะ ปวดแสบปวดร้อน คันตาและมักมีอาการคัดจมูกและน้ำมูกไหลและไวต่อแสงร่วมด้วยบ่อย ๆ เยื่อตาอักเสบจากภูมิแพ้มีผลกระทบต่อตาทั้งสองข้างแต่เยื่อตาอักเสบชนิดนี้ไม่ติดต่อ

การรักษาเยื่อตาอักเสบ

อย่างที่ท่านอาจเดาได้ การรักษาเยื่อตาอักเสบขึ้นกับชนิดของเยื่อตาอักเสบที่ท่านเป็น:

  • การรักษาเยื่อตาอักเสบจากไวรัส 

    โดยส่วนใหญ่ เยื่อตาอักเสบจากไวรัสจะมีอาการอยู่ 3-4 วันและไม่จำเป็นต้องรับการรักษาจากแพทย์ ประคบผ้าขนหนูเช็ดหน้าเปียก เย็น ๆ ที่ตาวันละหลาย ๆ ครั้งสามารถช่วยบรรเทาอาการของเยื่อตาอักเสบจากไวรัสได้

  • การรักษาเยื่อตาอักเสบจากแบคทีเรีย 

    แพทย์ GP มักจะจ่ายยาหยอดตาหรือยาขี้ผึ้งปฏิชีวนะเพื่อรักษาเยื่อตาอักเสบจากแบคทีเรีย

  • การรักษาเยื่อตาอักเสบจากภูมิแพ้ 

    ยารักษาภูมิแพ้มักจะสามารถช่วยป้องกันเยื่อตาอักเสบจากภูมิแพ้หรือทำให้หายเร็วขึ้นได้

บ่อยครั้งที่เป็นการยากที่จะบอกว่าท่านเป็นเยื่อตาอักเสบชนิดใดโดยดูจากเพียงอาการเท่านั้น (หรือจะบอกว่า อาการทางตาอื่นหรือภาวะสุขภาพอื่นบางอย่างเป็นสาเหตุของอาการของท่านหรือไม่)

อาการที่เกี่ยวข้องกับเยื่อตาอักเสบมีหลายอย่างรวมทั้งตาแห้งและบางครั้งเยื่อตาอักเสบจากแบคทีเรียสามารถนำไปสู่ปัญหาตาที่ร้ายแรงมากที่มีโอกาสทำให้เกิดการสูญเสียการมองเห็นอย่างถาวรได้

ด้วยเหตุเหล่านี้ เมื่อใดก็ตามที่ท่านเกิดมีตาแดง ระคายเคืองตา ท่านควรติดต่อผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลดวงตาทันทีและนัดตรวจตาด้วย

ถ้าท่านใส่คอนแทคเลนส์ และมีอาการตาแดง ระคายเคืองตา โปรดถอดคอนแทคเลนส์ออกและใส่ แว่นตาเท่านั้นจนกว่าผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลดวงตาจะมีโอกาสตรวจตาของท่าน


เกร็ดความรู้ในการป้องกันเยื่อตาอักเสบ 9 ข้อ

เมื่อท่านได้ทราบข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับเยื่อตาอักเสบจากไวรัสและเยื่อตาอักเสบแบบอื่น ๆ แล้ว ท่านสามารถทำอะไรได้บ้างเพื่อป้องกันตัวเองและบุตรของท่านไม่ให้เป็นเยื่อตาอักเสบ

ต่อไปนี้คือข้อควรระวังง่าย ๆ 9 ข้อที่ท่านสามารถทำตามเพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดเยื่อตาอักเสบได้อย่างมาก

  1. ห้ามใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกันเด็ดขาด เช่น ผ้าขนหนูเช็ดหน้า ผ้าเช็ดมือหรือทิชชู

  2. ปิดจมูกและปาก เมื่อไอหรือจามและหลีกเลี่ยงการขยี้หรือสัมผัสตา

  3. ล้างมือบ่อย ๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออยู่ที่โรงเรียนหรือในสถานที่สาธารณะอื่น ๆ

  4. พกน้ำยาทำความสะอาดมือ และใช้ล้างมือบ่อย ๆ

  5. ทำความสะอาด พื้นผิวพื้นที่ทำอาหารในครัว ห้องน้ำ ด้ามจับประตูและโทรศัพท์ที่ใช้ร่วมกับผู้อื่นด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อบ่อย ๆ

  6. ถ้าท่านทราบว่าท่านมีปัญหาภูมิแพ้ตามฤดูกาลโปรดสอบถามแพทย์ของท่านว่าจะทำอะไรได้บ้างก่อนที่จะมีอาการเพื่อลดอาการเหล่านั้น

  7. ถ้าท่านใส่คอนแทคเลนส์ปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลดวงตาในการดูแลและเปลี่ยนคอนแทคเลนส์ และใช้น้ำยาล้างคอนแทคเลนส์อย่างเหมาะสมหรือลองเปลี่ยนเป็นคอนแทคเลนส์แบบใช้แล้วทิ้งทุกวัน

  8. เมื่อว่ายน้ำควรใส่แว่นตาว่ายน้ำเพื่อป้องกันตัวเองจากแบคทีเรียและเชื้อโรคอื่นในน้ำที่สามารถทำให้เกิดเยื่อตาอักเสบได้

  9. ก่อนอาบน้ำโปรดถอดคอนแทคเลนส์เพื่อเลี่ยงการกักเก็บแบคทีเรียไว้ระหว่างตาของท่านและคอนแทคเลนส์

แม้ได้ปฏิบัติตามข้อควรระวังเหล่านี้แล้ว ท่านหรือบุตรของท่านก็ยังอาจเกิดเยื่อตาอักเสบขึ้นได้

ถ้าบุตรของท่านเกิดเยื่อตาอักเสบ โปรดแจ้งให้ครูทราบเกี่ยวกับการติดเชื้อเพื่อให้มีการฆ่าเชื้อห้องเรียนหรือเนิร์สเซอรี่เพิ่มเติมขึ้น ให้บุตรของท่านอยู่บ้านจนกว่าจะพ้นระยะติดต่อด้วย

ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลดวงตาของท่านจะแจ้งให้ท่านทราบว่าเมื่อไรที่ท่านหรือบุตรของท่านสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้โดยไม่มีความเสี่ยงที่จะแพร่เชื้อโรคจากเยื่อตาอักเสบ ซึ่งมักเป็นประมาณสามถึงห้าวันหลังจากการวินิจฉัย

หากภาวะเยื่อตาอักเสบของท่านไม่หายไปและเนื่องจากอาการตาแดงสามารถเป็นอาการของปัญหาตาได้มากมายหลายอย่าง ซึ่งบางอย่างก็อาจร้ายแรงได้ ท่านจึงควรไปพบผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลดวงตา.

Find Eye Doctor

ค้นหาจักษุแพทย์ใกล้คุณ

หาหมอตา